วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของพืช GMOs"

GMOs (Advantages of GMOs)

ข้อดี หรือ ประโยชน์ ของ GMOs (Advantages of GMOs)


มะเขือเทศ GMOs
ประโยชน์ทางด้านการเกษตร
- ทำให้เกิดพืชที่ให้ผลผลิตมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลมีขนาดใหญ่ขึ้น (เช่น มะเขือเทศมีผลขนาดใหญ่ขึ้น), ผลมีปริมาณมากขึ้น (เช่น ปริมาณเมล็ดข้าวต่อต้นมากขึ้น), ผลมีน้ำหนักมากขึ้น (เช่น มะละกอที่มีน้ำหนักมากกว่ามะละกอปกติทั่วไป)
- ทำให้เกิดพืชที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดย ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหรือเจริญเติบโตของพืช ตัวอย่างเช่น พืชที่ทนแล้ง (เช่น ข้าวทนแล้ง), พืชที่ทนต่อดินเค็ม (เช่น ข้าวทนดินเค็ม), พืชที่ทนต่อดินเปรี้ยว เป็นต้น
- ทำให้เกิดพืชที่ทนต่อศัตรูพืช เช่น พืชที่ทนต่อเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคพืช ทนต่อแมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ทนต่อยาฆ่าแมลง และทนต่อยาปราบวัชพืช
- เมื่อทำให้พืชลดการใช้สารเคมี พิษจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเกษตรกรก็ลดลง
- ทำให้เกิดพืชที่มีผลผลิตที่สามารถเก็บรักษาเป็นเวลานาน และอยู่ได้นาน ทำให้ขั้นตอนในการขนส่งสามารถขนส่งในระยะไกลโดยไม่เน่าหรือเสีย เช่น มะเขือเทศที่ถูกทำให้สุกช้า หรือถึงแม้จะสุกแต่ก็ไม่งอม เนื้อยังแข็งและกรอบ ไม่เละเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค

ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
- ทำให้เกิด พืช ผัก ผลไม้ มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มมากขึ้น เช่น ทำให้มะเขือเทศมีวิตามินอีมากขึ้น ทำให้ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น ทำให้กล้วยมีวิตามินเอเพิ่มขึ้น เป็นต้น
- ทำให้ลดการขาดแคลนอาหารได้ เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์ให้มีผลผลิตและความต้านทานต่างๆมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องอาหารที่เพิ่มมากขึ้น
ประโยชน์ด้านการพาณิชย์
- ลดขั้นตอนและระยะเวลาของการผสมพันธุ์พืช ซึ่งหากช่วงชีวิตของพืชที่ต้องการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีเดิมยาวนานกว่าจะได้ผล และต้องทำการคัดเลือกพันธุ์อยู่หลายครั้ง การทำ GMOsทำให้ขั้นตอนนี้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
- ทำให้เกิดพืชพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ในการพาณิชย์ เช่น ดอกไม้หรือพวกไม้ประดับที่มีรูปร่างแปลกกว่าเดิม มีขนาดใหญ่กว่าเดิม สีสันแปลกไปจากเดิม (เช่น กุหลาบสีน้ำเงิน) หรือมีความคงทนกว่าเดิม
ประโยชน์ต่อด้านการอุตสาหกรรม
- หากทำพืช GMOs ให้สามารถลดการใช้สารเคมี และช่วยให้มีผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม  ทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลงและเวลาที่ใช้ก็ลดลงด้วย วัตถุดิบที่ได้มาจากภาคการเกษตร เช่น ซังข้าวโพด แกลบ กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์ จึงมีราคาถูกลง
- มี GMOs หลายชนิดที่ไม่ใช่พืช ที่ใช้กันอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น เอนไซม์ที่ใช้ในการผลิตน้ำผักผลไม้ หรือ เอนไซม์ ไคโมซิน (Chymosin) ที่ใช้ในการผลิตเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก GMOs และทำมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ลดทั้งต้นทุนการผลิตและเวลาที่ต้องใช้ลง
ประโยชน์ต่อด้านการแพทย์
- การผลิตวัคซีน หรือยาชนิดต่างๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs ช่วยแทบทั้งสิ้น อีกไม่นานนี้ เราอาจมีน้ำนมวัวที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนหรือตัวยาที่จำเป็นต่อมนุษย์
- ช่วยลดการขาดแคลนยาหรือวัคซีนได้มากขึ้น เพราะ GMOs สามารถช่วยเพิ่มการผลิตสิ่งเหล่านี้ให้เพิ่มขึ้นได้
ประโยชน์ต่อด้านสิ่งแวดล้อม
- หากทำพืช GMOs ให้สามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง จำนวนการใช้สารเคมีชนิดต่างๆเพื่อการปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนอาจถึงไม่ต้องใช้เลยก็ได้ ทำให้มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสารเคมีลดลง
- ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น เนื่องจากยีนที่มีการแสดงออกที่มีประโยชน์ถูกเลือกให้รับโอกาสในการแสดงออกในสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมากขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของ GMOs
ข้อดีของ GMOs
GMOs คือผลผลิตจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาระดับโมเลกุล (molecular biology) โดยเฉพาะพันธุวิศวกรรมศาสตร์ ที่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับสูงมาก สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์และสถาบันวิจัยทั่วโลก ทุ่มเทพลังความคิดและทุนวิจัยจำนวนมหาศาลเพื่อศาสตร์นี้ คือ ความมุ่งหมายที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ทั้งทางด้านโภชนาการ การแพทย์ และสาธารณสุข
ความสำเร็จแห่งการพัฒนาศาสตร์ดังกล่าว มีรูปธรรมคือการยกระดับคุณภาพอาหาร ยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ดังที่เราได้รับผลประโยชน์อยุ่ทุกวันนี้ และในภาวะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่ม มากขึ้นทุกวัน ในขณะที่พื้นที่การผลิตลดลง พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดอันหนึ่ง ที่จะช่วยแก้ปัญหา การขาดแคลนอาหารและยาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากประสิทธิภาพของพันธุวิศวกรรมเป็นที่ยอมรับว่า สามารถช่วยเพิ่มอัตราผลผลิตต่อพื้นที่สูงขึ้นมากกว่าการผลิตในรูปแบบดั้งเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเกษตรในสหรัฐอเมริกา และด้วยการที่พันธุวิศวกรรม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ดังกล่าว จึงมีการกล่าวกันว่า พันธุวิศวกรรมคือการปฏิวัติครั้งใหญ่ในด้านการเกษตร และการแพทย์ ที่เรียกว่า
genomic revolution
GMOs ที่ได้รับการพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในหลายด้าน ได้แก่
ประโยชน์ต่อเกษตรกร
1. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น ทนต่อศัตรูพืช หรือมีความสามารถในการ ป้องกันตนเองจากศัตรูพืช เช่น เชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย แมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ยาฆ่าแมลง และยาปราบวัชพืช หรือในบางกรณีอาจเป็นพืชที่ทนแล้ง ทนดินเค็ม ดินเปรี้ยว คุณสมบัติ เช่นนี้เป็นประโยชน์ ต่อเกษตรกร เราเรียกลักษณะเช่นนี้ว่าเป็น agronomic traits
2. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะแก่การเก็บรักษาเป็นเวลานาน ทำให้สามารถอยู่ได้นานวัน และขนส่งได้เป็นระยะทางไกลโดยไม่เน่าเสีย เช่น มะเขือเทศที่สุกช้า หรือแม้จะสุกแต่ก็ไม่งอม เนื้อยังแข็ง และกรอบ ไม่งอมหรือเละเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค ลักษณะนี้ก็ถือว่าเป็น agronomic traits เช่นเดียวกัน เพราะให้ประโยชน์แก่เกษตรกรและผู้จำหน่าย สินค้า GMOs ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้อยู่ในจำพวก ข้อ 1 หรือ ข้อ 2 ที่กล่าวมานี้
ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
3. ทำให้เกิดธัญพืช ผัก หรือผลไม้ที่มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นในทางโภชนาการ เช่น ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่ม มากขึ้น หรือผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ให้ผลมากกว่าเดิม ลักษณะเหล่านี้เป็นการเพิ่มคุณค่าเชิงคุณภาพ (quality traits)
4. ทำให้เกิดพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่มีคุณค่าในเชิงพาณิชย์ เช่น ดอกไม้หรือพืชจำพวกไม้ประดับสายพันธุ์ใหม่ที่มี รูปร่างแปลกกว่าเดิม ขนาดใหญ่กว่าเดิม สีสันแปลกไปจากเดิม หรือมีความคงทนกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็น quality traits เช่นกัน
GMOs ที่มีลักษณะที่กล่าวมาในข้อ 3 และข้อ 4 นี้ในบางประเทศเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเริ่มมีจำหน่าย เป็นสินค้าแล้ว และคาดว่าจะมีความแพร่หลายมากขึ้นในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ข้อ 1-4 นี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นการลัดขั้นตอนของการผสมพันธุ์พืช ซึ่งในหลายกรณีหากช่วงชีวิตของพืชยาว ทำให้ต้องกิน เวลานานกว่าจะได้ผลเนื่องจากต้องมีการคัดเลือกหลายครั้ง การทำ GMOs ทำให้ขั้นตอนนี้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น กว่าเดิมมาก
ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม
5. คุณสมบัติของพืชที่ทำให้ลดการใช้สารเคมี และช่วยให้ได้พืชผลมากขึ้นกว่าเดิมมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง วัตถุดิบที่มาจากภาคเกษตร เช่น กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์จึงมีราคาถูกลง ทำให้เพิ่มอำนาจในการแข่งขัน
6. นอกจากพืชแล้ว ยังมี GMOs หลายชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น เอ็นไซม์ที่ใช้ ในการผลิตน้ำผักและน้ำผลไม้ หรือเอ็นไซม์ ไคโมซิน ที่ใช้ในการผลิตเนยแข็งแทบทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ ได้จาก GMOs และมีมาเป็นเวลานานแล้ว
7. การผลิตวัคซีน หรือยาชนิดอื่นๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs แทบทั้งสิ้น อีกไม่นานนี้ เราอาจมีน้ำนมวัวที่มีส่วนประกอบของยาหรือฮอร์โมนที่จำเป็นต่อมนุษย์ ซึ่งผลิตจาก GMOs ลักษณะที่กล่าวถึง ตั้งแต่ข้อ 6-8 ล้วนมีส่วนทำให้ลดต้นทุนการผลิตและเวลาที่ต้องใช้ลงทั้งสิ้น
ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
8. ประโยชน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมคือ เมื่อพืชมีคุณสมบัติสามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง อัตราการใช้สารเคมีเพื่อ ปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนถึงไม่ต้องใช้เลย ทำให้มีลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จากการใช้สารเคมี ปราบศัตรูพืช และลดอันตรายต่อเกษตรกรเองที่เกิดขึ้นจากพิษของการฉีดสารเหล่านั้นในปริมาณมาก (ยกเว้น บางกรณีเช่น พืชที่ต้านทานยาปราบวัชพืชที่อาจมีโอกาสทำให้เกิดแนวโน้มในการใช้สารปราบวัชพืชของบาง บริษัทมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่)
9. หากยอมรับว่าการปรับปรุงพันธุ์ และการคัดเลือกพันธุ์พืชเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสายพันธุ์ให้มากขึ้น แล้ว การพัฒนา GMOs ก็ย่อมมีผลทำให้เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพขึ้นเช่นกัน เนื่องจากยีนที่มีคุณสมบัติ เด่นได้รับการคัดเลือกให้มีโอกาสแสดงออกได้ในสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น
ข้อเสียของ GMOs
เทคโนโลยีทุกชนิดเมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย ในกรณีของ GMOs นั้นข้อเสียคือ มีความเสี่ยงและความซับซ้อนใน การบริหารจัดการเพื่อให้มีความปลอดภัยเพื่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าโทษ แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามี ผู้ใดได้รับอันตรายจากการบริโภคอาหาร GMOs แต่ความกังวลต่อความเสี่ยงของการใช้ GMOs เป็นสิ่งที่ หลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น กรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้
ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
1. สารอาหารจาก GMOs อาจมีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย เช่น เคยมีข่าวว่า กรดอะมิโน L-Tryptophan ของบริษัท Showa Denko ทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐเกิดอาการป่วยและล้มตาย อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นนี้แท้จริงแล้วเป็น ผลมาจากความบกพร่องในขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ (quality control) ทำให้มีสิ่งปนเปื้อนหลงเหลืออยู่ หลังจาก กระบวนการทำให้บริสุทธิ์ มิใช่ตัว GMOs ที่เป็นอันตราย
2. ความกังวลในเรื่องของการเป็นพาหะของสารพิษ เช่น ความกังวลที่ว่า DNA จากไวรัสที่ใช้ในการทำ GMOs อาจเป็นอันตราย เช่น การทดลองของ Dr.Pusztai ที่ทดลองให้หนูกินมันฝรั่งดิบที่มี lectin และพบว่าหนูมีภูมิคุ้ม กันลดลง และมีอาการบวมผิดปกติของลำไส้ ซึ่งงานชิ้นนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง โดยนักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการออกแบบการทดลองและวิธีการทดลองบกพร่อง ไม่ได้มาตรฐานตามหลักการวิทยา ศาสตร์ ในขณะนี้เชื่อว่ากำลังมีความพยายามที่จะดำเนินการทดลองที่รัดกุมมากขึ้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ มากขึ้น และจะสามารถสรุปได้ว่าผลที่ปรากฏมาจากการตบแต่งทางพันธุกรรมหรืออาจเป็นเพราะเหตุผลอื่น
3. สารอาหารจาก GMOs อาจมีคุณค่าทางโภชนาการไม่เท่าอาหารปกติในธรรมชาติ เช่น รายงานที่ว่าถั่วเหลืองที่ ตัดแต่งพันธุกรรมมี isoflavone มากกว่าถั่วเหลืองธรรมดาเล็กน้อย ซึ่งสารชนิดนี้เป็นกลุ่มของสารที่เป็น phytoestrogen (ฮอร์โมนพืช) ทำให้มีความกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน estrogen อาจทำให้เป็นอันตรายต่อ ผู้บริโภคหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กทารก จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาผลกระทบของการเพิ่มปริมาณของสาร isoflavine ต่อกลุ่มผู้บริโภคด้วย
4. ความกังวลต่อการเกิดสารภูมิแพ้ (allergen) ซึ่งอาจได้มาจากแหล่งเดิมของยีนที่นำมาใช้ทำ GMOs นั้น ตัวอย่าง ที่เคยมีเช่น การใช้ยีนจากถั่ว Brazil nut มาทำ GMOs เพื่อเพิ่มคุณค่าโปรตีนในถั่วเหลืองสำหรับเป็นอาหารสัตว์ จากการศึกษาที่มีขึ้นก่อนที่จะมีการผลิตออกจำหน่าย พบว่าถั่วเหลืองชนิดนี้อาจทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกิดอาการแพ้ เนื่องจากได้รับโปรตีนที่เป็นสารภูมิแพ้จากถั่ว Brazil nut บริษัทจึงได้ระงับการพัฒนา GMOs ชนิดนี้ไป อย่างไร ก็ตามพืช GMOs อื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปในโลกในขณะนี้ เช่น ถั่วเหลืองและข้าวโพดนั้น ได้รับการประเมิน แล้วว่า อัตราความเสี่ยงไม่แตกต่างจากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่ปลูกอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
5. การตบแต่งพันธุกรรมในสัตว์ปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่? ในบางกรณี วัว หมู รวมทั้งสัตว์ชนิดอื่นที่ได้รับ recombinant growth hormone อาจมีคุณภาพที่แตกต่างไปจากธรรมชาติ และ/หรือมีสารตกค้างหรือไม่ ขณะนี้ยัง ไม่มีข้อยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม สัตว์มีระบบสรีระวิทยาที่ซับซ้อนมากกว่าพืช และเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้การตบแต่งพันธุกรรมในสัตว์ อาจทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ที่ไม่คาดคิดได้ โดยอาจทำให้สัตว์มีลักษณะและ คุณสมบัติเปลี่ยนไป และมีผลทำให้เกิดสารพิษอื่นๆ ที่เป็นสารตกค้างที่ไม่ปรารถนาขึ้นได้ การตบแต่งพันธุกรรม ในสัตว์ที่เป็นอาหารโดยตรง จึงควรต้องมีการพิจารณาขั้นตอนการประเมินความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากกว่า เชื้อจุลินทรีย์และพืช
6. ความกังวลเกี่ยวกับการดื้อยา กล่าวคือเนื่องจากใน marker gene มักจะใช้ยีนที่สร้างสารต่อต้านปฏิชีวนะ (antibiotic resistance) ดังนั้นจึงมีผู้กังวลว่าพืชใหม่ที่ได้อาจมีสารต้านปฏิชีวนะอยู่ด้วย ทำให้มีคำถามว่า
6.1 ถ้าผู้บริโภคอยู่ในระหว่างการใช้ยาปฏิชีวนะอยู่ อาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลหรือไม่ เนื่องจากมีสารต้าน ทานยาปฏิชีวนะอยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นปัญหาที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย และสามารถแก้ไข หรือหลีกเลี่ยงได้
6.2 ถ้าเชื้อแบคทีเรียที่ตามปกติมีอยู่ในร่างกายคน ได้รับ marker gene ดังกล่าวเข้าไปโดยผนวก (integrate) เข้าอยู่ในโครโมโซมของมันเอง ก็จะทำให้เกิดแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อยาปฏิชีวนะได้ ข้อนี้มีโอกาสเป็นไปได้ น้อยมาก
แต่เมื่อมีความกังวลเกิดขึ้น ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จึงได้คิดค้นวิธีใหม่ที่ไม่ต้องใช้ selectable marker ที่เป็นสาร ต่อต้านปฏิชีวนะ หรือบางกรณีก็สามารถนำยีนส่วนที่สร้างสารต่อต้านปฏิชีวนะออกไปได้ก่อนที่จะเข้าสู่ห่วงโซ่ อาหาร
7. ความกังวลเกี่ยวกับการที่ยีน 35S promoter และ NOS terminator ที่อยู่ในเซลล์ของ GMOs จะหลุดรอดจากการ ย่อยภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ เข้าสู่เซลล์ปกติของคนที่รับประทานเข้าไป แล้วเกิด active ขึ้นทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของยีนในมนุษย์ ซึ่งข้อนี้จากผลการทดลองที่ผ่านมายืนยันได้ว่า ไม่น่ากังวลเนื่องจากมีโอกาส เป็นไปได้น้อยที่สุด
8. อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังบ้างในบางกรณี เช่น เด็กอ่อนที่มีระบบทางเดินอาหารที่สั้นกว่า ผู้ใหญ่ทำให้การย่อยอาหารโดยเฉพาะ DNA ในอาหาร เป็นไปโดยไม่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ ในข้อนี้แม้ว่า จะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตรายค่อนข้างต่ำ แต่ก็ควรมีการวิจัยโดยละเอียดต่อไป
ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
9. มีความกังวลว่า สารพิษบางชนิดที่ใช้ปราบแมลงศัตรูพืช เช่น Bt toxin ที่มีอยู่ใน GMOs บางชนิดอาจมีผล กระทบต่อแมลงที่มีประโยชน์ชนิดอื่นๆ เช่น ผลการทดลองของ Losey แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ที่กล่าวถึงการ ศึกษาผลกระทบของสารฆ่าแมลงของเชื้อ Bacillus thuringiensis (บีที) ในข้าวโพดตบแต่งพันธุกรรมที่มีต่อผีเสื้อ Monarch ซึ่งการทดลองเหล่านี้ทำในห้องทดลองภายใต้สภาพเงื่อนไขที่บีบเค้น และได้ให้ผลในขั้นต้นเท่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการทดลองภาคสนามเพื่อให้ทราบผลที่มีนัยสำคัญ ก่อนที่จะมีการสรุปผลและนำไปขยาย ความ
10. ความกังวลต่อการถ่ายเทยีนออกสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพเนื่องจาก มีสายพันธุ์ใหม่ที่เหนือกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติ หรือลักษณะสำคัญบางอย่างถูกถ่ายทอดไปยังสายพันธุ์ ที่ไม่พึงประสงค์ หรือแม้กระทั่งการทำให้เกิดการดื้อต่อยาปราบวัชพืช เช่น ที่กล่าวกันว่าทำให้เกิด super bug หรือ super weed เป็นต้น ในขณะนี้มีการวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับการถ่ายเทของยีน แต่ยังไม่มีข้อยืนยันในเรื่องนี้
ความกังวลในด้านเศรษฐกิจ-สังคม
11. ความกังวลอื่นๆ นั้นมักเป็นเรื่องนอกเหนือวิทยาศาสตร์ เช่น ในเรื่องการครอบงำโดยบรรษัทข้ามชาติที่มีสิทธิ บัตร ถือครองสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับ GMOs ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทาง อาหาร ตลอดจนปัญหาความสามารถในการพึ่งตนเองของประเทศในอนาคต ที่มักถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงโดย NGOs และปัญหาในเรื่องการกีดกันสินค้า GMOs ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาของ ประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่าจะมีความกังวลอยู่ แต่ควรทราบว่า GMOs เป็นผลิตผลจากเทคโนโลยีที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดอย่างหนึ่ง เท่าที่มนุษย์เคยคิดค้นมา ในประเทศไทยมีแนวปฏิบัติในเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพสำหรับนักวิจัย (biosafety guidelines) ทุกขั้นตอน ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและในการทดลองภาคสนามเพื่อให้การวิจัยและ พัฒนา GMOs มีความปลอดภัยสูงสุด และเป็นพื้นฐานในการประเมินความเสี่ยงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการ ประเมินความเสี่ยงนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องในแต่ละสภาพแวดล้อม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน และรัดกุมที่สุด
อย่างไรก็ดี กรณี GMOs เป็นโอกาสที่ดีในการที่ประชาชนในชาติได้มีความตื่นตัวและเร่งสร้างวุฒิภาวะ โดย เฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการตัดสินใจใดๆ ของสังคมควรเป็นไปโดยอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ และโดยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ การให้ความสำคัญกับที่มาของข้อมูลและการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล มิใช่เป็นไปโดยความ ตื่นกลัว หรือการตามกระแส
โดย มธุรา สิริจันทรัตน์
เอกสารอ้างอิง
1. ศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพและความปลอดภัยทางชีวภาพ, คุณรู้จัก “พืชดัดแปรพันธุกรรม” ดีแค่ไหน, เอกสารแผ่นพับเผยแพร่ความรู้ หมายเลข 2
2. นเรศ ดำรงชัย, ผลกระทบของ GMOs ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย, สิ่งที่ประชาชนควรทราบ, โครงการศึกษานโยบายด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC), พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2543, 14 หน้า
3. http://www.pharm.chula.ac.th/news/clinic/GMOs.htm
4. http://dnatec.kps.ku.ac.th/new-dnatec/service/gmos.cgi?subject=gmos%20bar
5. http://www.nfi.or.th/current-trade-issues/gmo3.html
6. กลุ่มวิเคราะห์สินค้า 13, กองการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ (12 พฤศจิกายน 2545)
7. http://www.doae.go.th/library/html/detail/gmos/gmos.htm


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ภาคสอง พร้อมดาวน์โหลด"

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ภาคสอง พร้อมดาวน์โหลด

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Hardware Mornitor

1. รันโปรแกรม Hardware Mornitor
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. ใช้สำหรับดูอุณหภูมิอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย IsMyLcdOK

1. รันโปรแกรม IsMyLcdOK 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. เป็นการตรวจเช็ค DeadPixel

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Process Explorer

1. รันโปรแกรม Process Explorer
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ ดูแลเครื่อง ตรวจสอบ การใช้งานของโปรเซส (Process) ต่างๆ ที่อยู่ใน เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ตรวจสอบการทำงานของ ระบบปฏิบัติการ Windows ได้เป็นอย่างดี และ ละเอียดมากๆ จากไฟล์ DLL ที่มีอยู่ในเครื่องคุณ โดยไม่ส่งผลกระทบอะไรใดๆ ต่อการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์คุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://nichamon1026.blogspot.com/2016/01/10.html

HWMonitor (โปรแกรม ช่วยวัดไข้ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ของท่าน) : โปรแกรมนี้ เป็นโปรแกรมที่เอาไว้ช่วยในการวัดอุณหภูมิ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน เพื่อให้ท่านได้ตรวจสอบ (Monitor) ว่าอุณหภูมิบน ซีพียู (CPU), ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) นั้น ไม่สูงมากจนเกินไป นอกจากนี้แล้ว ไม่ใช่เพียงแค่วัดอุณหภูมิเท่านั้น โปรแกรมนี้ยังสามารถตรวจวัดความเร็วของ พัดลมระบายความร้อน บนเครื่องของท่านได้อีกด้วย ว่าไม่ให้มันทำงานน้อยหรือมากเกินไป อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์อื่นๆ ภายในเครื่องของท่านได้ครับ และตัวสุดท้ายที่สามารถตรวจวัดได้คือ กำลังไฟ (Voltages) ที่นำมาหล่อเลี้ยง

โปรแกรมนี้ ในฮาร์ดแวร์แต่ละตัว โปรแกรมจะแสดงค่าออกเป็นทั้งหมด 3 อย่างด้วยกันคือ ค่าต่ำสุด (Min.) ค่าสูงสุด (Max.) และ ค่าปัจจุบัน (Current Value) ครับ ก็เรียกได้ว่า โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับทุกๆ คน รวมไปถึงช่างคอมพิวเตอร์ ที่จะสามารถดาวน์โหลด โปรแกรมนี้เพื่อนำมาวิเคราะห์ปัญหา จากอาการที่เครื่องอาจะจะ รีสตารท์เอง รวมไปถึงการที่ ดับ หรือค้าง (Hang) ไปโดยไม่ทราบสาเหต ได้อีกด้วยละครับ แจกฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นครับ




IsMyLcdOK 1.2.1 โปรแกรมตรวจสอบจอภาพ LCD

LCD-01
เมื่อวันก่อนเราได้มีการพูดถึงโปรแกรม Free PC Audit 1.2 ที่ช่วยตรวจสองทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ต บุ๊กไปแล้ว ก็เลยขอเสริมอีกสักโปรแกรมที่สามารถก็อปปี้ใส่แฟลชไดร์ฟไปพร้อมๆ กันได้นั่นก็คือโปรแกรม IsMyLcdOK 1.2.1 

LCD-02

โปรแกรม IsMyLcdOK นี้จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบจอภาพ LCD ที่เรากำลังจะซื้อ หรือจอภาพ LCD ที่มาพร้อมกับโน้ตบุ๊กว่ามีปัญหาเรื่อง Dead Pixel หรือไม่ ซึ่งถ้าตรวจสอบพบเราสามารถที่จะเปลี่ยนตัวใหม่ได้เลย หรือจะไม่ซื้อก็ยังได้ แต่ถ้าเราไม่ได้ตรวจสอบก่อน เมื่อซื้อของมาแล้วการเปลี่ยนนั้นยากเพราะต้องทำตามเงื่อนไข ดังนั้นเพื่อความสมบูรณ์ในการตรวจรับเครื่องที่ใช้จอภาพแบบ LCD ไม่ว่าจะเป็นพีซีหรือโน้ตบุ๊ก นอกจากจะดูสเปคทางด้านฮาร์ดแวร์แล้วก็อย่าลืมตรวจสอบจอภาพด้วย IsMyLcdOK อีกโปรแกรมนะครับ 
สำหรับการใช้งานก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากครับ หลังจากดาวน์โหลดไฟล์ .ZIP มาได้แล้วเราก็คลายไฟล์ ZIP ออกมาเราก็จะได้ไฟล์ IsMyLcdOK.exe ที่มีขนาดเพียง 13KB เท่านั้น เราสามารถก็อปปี้ไฟล์นี้ลงในแฟลชไดร์ฟและเรียกใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติด ตั้งครับ

"วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP ขึ้นไป"

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP ขึ้นไป

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP
วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่
        ถ้าวินโดวส์มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด มีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ ซึ่งจะมีเทคนิคดังนี้

เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ
   -สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้นสาเหตุอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป
   -วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 2 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom
   -สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไ ฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง
   -วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้



1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป



2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่



3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้งแล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ยังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา
        สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วย ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk


วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows Vista
ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ คืออะไร       
        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' คือ เครื่องมือการกู้คืนของ Windows ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่าง เช่น แฟ้มระบบที่สูญหายหรือเสียหาย ซึ่งอาจป้องกันไม่ให้ Windows เริ่มอย่างถูกต้องได้ เมื่อคุณเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะมีการสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อค้นหาปัญหาแล้วพยายามแก้ไขเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณเริ่มอย่างถูกต้อง
        ถ้าคุณประสบปัญหาขณะพยายามเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' หรือถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มี 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณอาจเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดเครื่องมือด้วยตนเอง ตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต

สามารถใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร
        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะอยู่บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ซึ่งอยู่บนดิสก์การติดตั้ง Windows นอกจากนั้นอาจมีการติดตั้ง 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ได้ติดตั้งไว้ล่วงหน้า 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' อาจพร้อมท์ให้คุณเลือกในขณะพยายามแก้ไขปัญหา และถ้าจำเป็น อาจมีการเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่ในขณะทำการซ่อมแซม

หากคุณมีดิสก์การติดตั้ง Windows
  1. ใส่แผ่นดิสก์การติดตั้ง
  2. เริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อก แล้วคลิก เริ่มใหม่
  3. ถ้าได้รับการพร้อมท์ ให้กดแป้นใดๆ เพื่อเริ่มการทำงานของ Windows จากแผ่นดิสก์การติดตั้ง ถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ถูกกำหนดค่าไว้ให้เริ่มทำงานจากซีดีหรือดีวีดี โปรดตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณ
  4. เลือกการตั้งค่าภาษาของคุณ แล้วคลิก ถัดไป
  5. คลิก ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ
  6. เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการซ่อมแซม แล้วคลิก ถัดไป
  7. บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ
หากคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ติดตั้งอยู่ก่อนแล้ว

  1. ให้เอาฟลอปปีดิสก์ ซีดี และดีวีดีทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อก แล้วคลิก เริ่มใหม่
  2. เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้คือ
  • ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณติดตั้งระบบปฏิบัติการเพียงระบบเดียว ให้กดแป้น F8 ค้างไว้ ในขณะที่เครื่องเริ่มการทำงานใหม่ คุณต้องกด F8 ก่อนที่โลโก้ Windows จะปรากฏขึ้นมา ถ้าโลโก้ Windows ปรากฏขึ้นมา คุณจะต้องลองอีกครั้งโดยรอจนกระทั่งหน้าจอพร้อมท์เข้าสู่ระบบ Windows ปรากฏขึ้น แล้วจึงปิดเครื่องและเริ่มการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่
  • ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณมีระบบปฏิบัติการมากกว่าหนึ่งระบบ ให้ใช้แป้นลูกศรเพื่อเน้นที่ระบบปฏิบัติการที่คุณต้องการซ่อมแซม แล้วกดแป้น F8 ค้างไว้
 3.  บนหน้าจอ ตัวเลือกการเริ่มระบบขั้นสูง ให้ใช้แป้นลูกศรเพื่อเน้นที่       ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วกด ENTER
 4.  เลือกรูปแบบแป้นพิมพ์ แล้วคลิก ถัดไป
 5.  เลือกชื่อผู้ใช้และป้อนรหัสผ่าน แล้วคลิก ตกลง
 6.  บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows 7
ฉันจะใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร
        ถ้ามีการตรวจพบปัญหาการเริ่มต้นระบบ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติและจะพยายามแก้ไขปัญหานั้น
        ถ้าปัญหานั้นรุนแรงพอที่จะทำให้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ไม่สามารถเริ่มทำงานได้ด้วยตัวเอง และคุณไม่สามารถเข้าถึงเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' บนฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณได้ คุณสามารถที่จะไปยังเมนูและเริ่ม 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้โดยใช้แผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows หรือดิสก์การซ่อมแซมระบบที่คุณสร้างก่อนหน้านี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows 7 มีอะไรบ้าง

ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows มีอะไรบ้าง
        เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' จะมีเครื่องมือหลายชนิด เช่น 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ที่สามารถช่วยคุณกู้คืน Windows จากข้อผิดพลาดร้ายแรง ชุดเครื่องมือนี้จะอยู่ในฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณ และในแผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows

หมายเหตุ
        คุณยังสามารถสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบที่มีเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ การสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบ
        หากคุณใช้แท็บเล็ตพีซีหรือคอมพิวเตอร์อื่นที่มีหน้าจอสัมผัส คุณอาจต้องเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือเมาส์เพื่อใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' และเครื่องมืออื่นๆ ในเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'
รูปภาพของเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'

เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'

ระบบปฏิบัติการแห่งชาติของจีน"

สถาบันซอฟต์แวร์แห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ของจีน (Institute of Software at the Chinese Academy of Sciences - ISCAS) ร่วมกับบริษัท Shanghai Liantong เปิดตัวระบบปฏิบัติการของคนจีนชื่อ China Operating System (COS)
ระบบปฏิบัติการตัวนี้พัฒนาจากลินุกซ์ แต่ส่วนที่เพิ่มเข้ามาเป็นซอฟต์แวร์ปิดเพื่อความปลอดภัยที่แข็งแรง และปรับการทำงานให้เหมาะสมกับคนจีน เช่น การป้อนข้อความภาษาจีน การเชื่อมโยงกับบริการบนอินเทอร์เน็ตในจีน เป้าหมายของ COS คือการสร้างระบบปฏิบัติการของคนจีนเพื่อทำลายการผูกขาดเทคโนโลยีของต่างชาติ
ตามข่าวบอกว่ามันสามารถทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์มทั้งบนมือถือ แท็บเล็ต และพีซี อย่างไรก็ตาม จากวิดีโอสาธิตการทำงานของ COS บนมือถือ HTC จะเห็นว่ามันหน้าตาเหมือน Android มาก (ISCAS บอกว่าไม่ใช่ Android) แถมยังมีหน้าตาคล้ายกับภาพหลุดระบบปฏิบัติการของ HTC มาก (ในงานแถลงข่าวไม่มี HTC มาเกี่ยวข้อง และโฆษกของ HTC ก็ไม่ตอบคำถามเรื่องนี้)

ระบบปฏิบัติการสัญชาติจีน COS (China Operating System)


picchina2_jan14

แหล่งข่าวและที่มาภาพ:  http://thai.cri.cn/247/2014/01/21/123s217423.htm
วันที่ 15 มกราคมนี้ ระบบปฏิบัติการ COS (China Operating System) ที่ร่วมกันวิจัยและบุกเบิกโดยสถาบันวิจัยซอฟต์แวร์แห่งสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนและบริษัทเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสารเหลียนถง เซี่ยงไฮ้ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่กรุงปักกิ่ง โดยระบบนี้สามารถใช้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว สมาร์ท โฟน กล่องรับสัญญาณ และ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอัจฉริยะ ที่มีความได้เปรียบด้านหน้าจอคมชัด  ปลอดภัยและมีความเร็วสูง จะเปิดยุคใหม่แห่งอุปกรณ์อัจฉริยะของจีน  การเปิดตัวระบบปฏิบัติการ COS ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อทำลายการผูกขาดของซอฟต์แวร์พื้นฐานของต่างประเทศ เช่น แอปเปิล และ กูเกิลนำการบุกเบิกระบบปฏิบัติการที่จีนถือสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาและมีความเป็นจีน โดยสามารถรองรับการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป(application programs) ได้มากกว่า 1 แสนรายการ
บทวิเคราะห์ข่าว
รัฐบาลจีนสนับสนุนระบบปฏิบัติการสัญชาติจีนที่เรียกว่า COS (China Operating System) หวังลดการพึ่งพาระบบปฏิบัติการแบรนด์นอกทั้งกูเกิล แอปเปิล และไมโครซอฟท์ ที่ผูกขาดตลาดจีนมานาน โดยต้องการให้ระบบปฏิบัติการจีนเป็นทางเลือกใหม่ดึงดูดผู้ใช้งานที่ต้องการอะไรใหม่ๆ กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันกับระบบปฏิบัติการอื่นของต่างประเทศ โดยเฉพาะไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) สมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการจีนคือ HTC   ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากไต้หวัน ล่าสุดทางเอชทีซีได้ออกมารายงานแล้วว่าทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเปิดตัวและการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแห่งชาติของจีนชื่อ China Operating System (COS)แม้แต่น้อย และสิ่งที่เอชทีซีทำอยู่ในขณะนี้ก็คือผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และสมาร์ทโฟนวินโดวส์โฟนเท่านั้น และไม่มีความสนใจใน ระบบปฏิบัติการแห่งชาติของจีนชื่อ China Operating System (COS) เลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมืองของหนึ่งจีน สองระบบหรือไม่ น่าติดตามกันต่อไป

ประวัติของ Bill Gate และผลงาน"

บิล เกตส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บิล เกตส์
Bill Gates in WEF ,2007.jpg
เกิดวิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม
28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 (60 ปี)
ซีแอตเทิลรัฐวอชิงตัน,สหรัฐอเมริกา
ถิ่นพำนักเมดินารัฐวอชิงตันสหรัฐอเมริกา
สัญชาติอเมริกัน
การศึกษาโรงเรียนแลคไซด์ เมื่อปี ค.ศ. 1973
จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (ลาออก)
อาชีพที่ปรึกษาเรื่องเทคโนโลยีไมโครซอฟท์
ประธานร่วมของมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์
ซีอีโอของแคสเคดอินเวสต์เมนต์
ประธานของคอร์บิส
ปีปฏิบัติงาน1975–ปัจจุบัน
มูลค่าสินทรัพย์สุทธิIncrease 7.27 แสนล้าน ดอลลาร์สหรัฐ (2013) [1]
กรรมการใน

เบิร์กเชียแฮธาเวย์
คู่สมรสเมลินดา เกตส์ (1994–ปัจจุบัน)
บุตร3 คน
บิดามารดาวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์
แมรี แม็กซ์เวลล์ เกตส์
ลายมือชื่อBill Gates signature.svg
เว็บไซต์
www.gatesnotes.com
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิล เกตส์ เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขากับผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันเขียนต้นแบบของภาษาอัลแตร์เบสิกซึ่งเป็นอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคแรกๆ) เขาได้ร่วมกับพอล แอลเลน ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น ซึ่งในขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเรื่องเทคโนโลยี นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิล เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สามได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน (KBE) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2

เกียรติประวัติ[แก้]

ประมาณการทรัพย์สินของเกตส์[แก้]

บิล เกตส์ ติดอันดับหนึ่ง จากการจัดอันดับ "ฟอร์บ 400" ระหว่างปี ค.ศ. 1993-2005 และติดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ในปี ค.ศ. 1996 และระหว่างปี ค.ศ. 1998-2005 ซึ่งจากการจัดอันดับดังกล่าว สรุปได้ว่าทรัพย์สินสุทธิของเขามีมูลค่าดังต่อไปนี้:
  • ค.ศ. 1996 - 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 1997 - 36.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 ของโลก ([2]) (รองจากสุลตานโบลเกียแห่งบรูไน ผู้ซึ่งอยู่ในการจัดอันดับของปีนี้ แม้ว่าฟอร์บจะมีนโยบายไม่รวมประมุขของรัฐไว้ในการจัดอันดับก็ตาม)
  • ค.ศ. 1998 - 51.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 1999 - 90.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2000 - 60.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2001 - 58.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2002 - 52.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2003 - 40.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2004 - 46.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2005 - 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก
  • ค.ศ. 2006 - 5.00 พันล้านบาท อันดับ 1 ของโลก
การที่ทรัพย์สินสุทธิของเกตส์ มีมูลค่าลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นของไมโครซอฟท์มีราคาลดลง รวมถึงการที่เขาได้บริจาคเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลของเขา และแม้เขาจะมีรายได้ลดลง ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บในปีค.ศ. 2004 เกตส์ยังได้บริจาคเงินรวมกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกไปเสียแล้ว แม้จะนับเอาประมุขของรัฐ (ผู้ซึ่งทรัพย์สินมาจากสถานะทางสังคม) ไว้ในการจัดอันดับด้วยก็ตาม (แม้ว่าการจัดอันดับตามมาตรฐานของนิตยสารฟอร์บนั้น จะไม่รวมเอาประมุขของรัฐเอาไว้ด้วย ฟอร์บได้จัดทำบัญชีประมาณการทรัพย์สินของประมุขแต่ละประเทศไว้ต่างหาก เมื่อนำรายชื่อจากการจัดอันดับทั้งสองแบบมารวมกันแล้ว พบว่าเกตส์เป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก)

วัฒนธรรมสมัยนิยม[แก้]

ในภาพยนตร์และโทรทัศน์[แก้]

บุคลิกของบิล เกตส์ มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของเนิร์ดสุดอัจฉริยะ ผู้มีอำนาจล้นฟ้า ซึ่งบุคลิกดังกล่าวนี้มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมป็อป ในการใช้เกตส์เป็นแบบฉบับของ จอมกบฏ หรือ อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบัญชาการจักรวรรดิเทคโนโลยีเชียก็เต้นรูดเสา
ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ได้นำเสนอบิล เกตส์ ทั้งในแบบที่นำเกตส์ตัวจริงมาปรากฏตัว หรือจินตนาการตัวละครในแบบของเขาขึ้นมา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะนำบุคลิกที่กล่าวมาข้างต้นมาเป็นต้นแบบ และการที่บิลเกตเต้นรูดเสา สื่อมวลชนมักจะคิดว่าบิล เกตส์ วิตกจริตเกี่ยวกับไอคิวของเขา รวมทั้งเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับไอคิว และเชื่อกันว่าไอคิวของเกตส์อยู่ที่ราว 160 แต่อย่างไรก็ดี หลายคนประมาณการจากผลสอบ SAT exam (ที่ต้องใช้ในการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด) แล้วสรุปว่าเขามีระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 120-140 เท่านั้นเอง

ในนวนิยาย[แก้]

ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่นำเสนอตัวละครบิล เกตส์ในรูปแบบนวนิยาย ได้แก่:
  • เดอะ เน็ท อินเทอร์เน็ตนรก (The Net - ค.ศ. 1995) — แองเจลลา เบนเน็ต นางเอกของเรื่องรับบทโดยซานดรา บูลล็อก เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์สาวผู้ชอบเก็บตัว เธอได้บังเอิญไปพบ ประตูหลัง (back door) ที่ทำให้สามารถเจาะเข้าโปรแกรมระบบรักษาความปลอดภัยที่กำลังจะถูกขายให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งโปรแกรมนี้ถูกออกแบบโดยบริษัทที่มีลักษณะคล้ายไมโครซอฟท์ โดยมี เจฟ เกร็ก เป็นเจ้าของ เขาเป็นเศรษฐีพันล้าน ผู้ซึ่งมีลักษณะคล้ายบิล เกตส์มาก จากการที่เราเห็นตัวของตัวละครนี้ปรากฏตัวเพียงไม่กี่ฉาก การค้นพบดังกล่าวทำให้แองเจลลากลายเป็นเป้าของพวก แพรโทเรียน กลุ่มก่อการร้ายในโลกไซเบอร์ผู้จงรักภักดีต่อเกร็ก ซึ่งได้กระทำการลบข้อมูลส่วนบุคคลของแองเจลลา และพยายามจะฆ่าเธอ เพื่อที่จะเอาแผ่นดิสก์ที่เป็นหลักฐานมัดตัวการสำคัญคืนมา
  • สมองกลคนสวย (A.I. Love You - ค.ศ. 1996) — ตอนต้นของเรื่อง ฮิโตชิ และซาติ ได้พบกับแฮกเกอร์จอมโฉดยอดอัจฉริยะนามว่า บิลลี่ จี. ซึ่งภายหลังผู้แต่งก็ยอมรับว่ามีที่มาจากบิล เกตส์
  • พยัคฆ์ร้าย 007 ตอน พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย (Tomorrow Never Dies - ค.ศ. 1997) — เอลลิออต คาร์เวอร์ (รับบทโดย โจนาธาน ไพรซ์) เป็นประธานองค์กรผู้นำด้านการสื่อสาร หนึ่งในบริษัทที่คาร์เวอร์เป็นเจ้าของ ประกอบธุรกิจผลิตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ที่แฝงข้อผิดพลาดไว้ ซึ่งจะบังคับให้ผู้ใช้อัพเกรดระบบอย่างเป็นวงจรไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นยุทธวิธีในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของคาร์เวอร์นั้น ได้เคยปรากฏเป็นบทวิพากษ์วิจารณ์การผลิตระบบปฏิบัติการภายใต้การนำของบิล เกตส์อย่างต่อเนื่อง คาร์เวอร์และเกตส์ยังมีลักษณะที่คล้ายกันอีกด้วย
  • เดอะ ซิมป์สัน (15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998) (ปีที่ 9 ตอนที่ 5F11) — บิล เกตส์มาซื้อบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ไม่ชอบมาพากลของ โฮเมอร์ ซิมป์สัน มีชื่อว่าCompuGlobalHyperMegaNet เกตส์สั่งให้ลูกสมุนของเขา "ซื้อขาด" กิจการของซิมป์สัน จนพวกเขากระทั่งสามารถรื้อทำลายสำนักงานได้ และเมื่อโฮเมอร์ทวงเงิน เกตส์ตอบว่า "โอ้ ผมไม่ได้รวยขึ้นมาจากการเขียนเช็คหรอกนะ! (ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง) "
บิล เกตส์ ในการ์ตูนเรื่องเซาธ์ปาร์ก
  • South Park: Bigger, Longer, and Uncut (ค.ศ. 1999) — นายพลแห่งกองทัพบกสหรัฐนายหนึ่งได้มาร้องทุกข์ว่า วินโดวส์ 98 ของเขาที่เพิ่งอัพเกรดล่าสุด ไม่ได้เสถียรไปกว่าเวอร์ชันก่อนที่เป็น วินโดวส์ 95 และเรียกร้องจะขอพบบิล เกตส์ เมื่อตัวการ์ตูนเกตส์เริ่มชี้แจงเหตุผลว่า วินโดวส์ 98 ที่ใช้เทคโนแบบเบิลนั้นเสถียรแค่ไหน ท่านนายพลก็ได้ชักปืนออกมายิงเขา
  • Pretty Sammy 2 ภาพยนตร์เอะนิเมะชัน ที่มีตัวละครชั่วร้ายใช้ชื่อว่า บิฟ สแตนดาร์ด เจ้าของบริษัทผลิตซอฟต์แวร์สแตนด์ซอฟท์ ที่กำลังพยายามยึดครองตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่น (และมีคู่แข่งที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ชื่อว่า บริษัทไพน์แอปเปิล ซอฟต์แวร์) ด้วยการทำร้ายตัวละครเอกของเรื่อง
  • Pirates of Silicon Valley (ค.ศ. 1999) — ภาพยนตร์ที่นำเสนอประวัติของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ และไมโครซอฟท์ โดยมีแอนโทนี ไมเคิล ฮอล รับบทเป็นบิล เกตส์
  • Net Force ของ ทอม แคลนซี (ค.ศ. 1999) — หลายคนเชื่อว่าวิลเลียม สไตล พระเอกของเรื่อง ผู้ที่พยายามจะครองโลกด้วยการควบคุมระบบอินเทอร์เน็ตนั้น แท้จริงแล้วมีที่มาจากบิล เกตส์ โดยมีการระบุความพ้องกันของชื่อต้น วิลเลียม นั้นเป็นชื่อเต็มของบิล และ สไตล์ (stile) นั้นแปลว่าบันไดเล็กๆที่ใช้ปีนข้ามกำแพง แทนที่จะเข้าทางประตูรั้ว (gate)
  • แอนตี้ ทรัสต์ กระชากแผนจอมบงการล้ำโลก (ค.ศ. 2001) — ภาพยนตร์เกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ในบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดยักษ์ในเรื่อง ทิม รอบบินส์ รับบทโดยแกรี วินตัน ประธานบริษัทมีบุคลิกลักษณะ และบริบทของตัวละครคล้ายคลึงกับบิล เกตส์เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี แกรี วินสตันได้กล่าวถึงบิล เกตส์ (ในฐานะบุคคลที่สาม) ในช่วงหนึ่งของภาพยนตร์ ซึ่งเป็นการบอกโดยนัยว่าวินสตันนั้นไม่ใช่เกตส์ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกฟ้อง
  • Clockstoppers (ค.ศ. 2002) — เฮนรี เกตส์ เป็นประธานบริษัทขนาดใหญ่ยักษ์ ผู้ซึ่งต้องการจะครองโลกโดยใช้เทคโนโลยี (เฮนรี เป็นชื่อกลางของบิล เกตส์)
  • Nothing So Strange (ค.ศ. 2002) — เป็นเรื่องราวที่จินตนาการเกี่ยวกับการฆาตกรรมบิล เกตส์ใน ค.ศ. 1999
  • 2DTV (ค.ศ. 2004) (ชุดที่ 4 ตอนที่ 6) — บิล เกตส์อยู่ในบ้านรูปร่างเหมือนคอมพิวเตอร์ของเขาขณะที่กำลังเขียนจดหมายถึงลูกค้า เมื่อมีเจ้าหน้าที่สำนักงานคนหนึ่งโผล่เข้ามาสร้างความรำคาญให้กับเขา ท้ายสุด ตัวการ์ตูนเกตส์เกือบจะต้องฆ่าตัวตาย เราสังเกตเห็นข้อความบนโน้ตกระดาษว่า "หวัดดีพวก ดูเหมือนนายกำลังจะเขียนจดหมายลาตายนะ" จากนั้นก็มีลูกค้าหัวเสียจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มาพูดกับเขาว่า "นายต้องการความช่วยเหลือไหม?" เกตส์ยังปรากฏตัวในตอนที่ 4 ของการ์ตูนชุดนี้ ในตอนล้อเลียนที่ใช้ชื่อว่า "แมทริกซ์สำหรับวินโดวส์" ล้อเลียนระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นๆทุกที
  • Family Guy (ปีที่ 3 ตอนที่ 13) — เกตส์บินไปด้วยเครื่องเจ็ตแพค (เครื่องบินส่วนตัวแบบขึ้นลงทางดิ่ง) กับผู้บริหารระดับสูง และไมเคิล ไอสเนอร์ ประธานกรรมการบริหารของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้ซึ่งกล่าวว่า "พระเจ้า ผู้คนดูเหมือนมดเมื่อมองจากข้างบนนี่" แล้วเกตส์ก็ตอบกลับไปว่า "พวกมันคือมด ไมเคิล พวกมันคือมด!"
  • ใน Command & Conquer: Yuri's Revenge ชายผู้หนึ่งซึ่งเราทราบเพียงว่าเขาชื่อ "ท่านประธานบิง" ปรากฏตัวในฐานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท แมสซีฟซอฟท์
  • ใน Robopon 2 (วิดีโอเกมสำหรับเครื่องเกมบอย แอดวานซ์) มีชายผู้หนึ่งชื่อนายเกต (Mr. Gait) เป็นเจ้าของเครือบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดยักษ์ที่มีชื่อว่า แมคโครซอฟท์
  • ในตอนหนึ่งของละครเรื่อง Pinky And The Brain ที่กล่าวถึงสโนวบอลล์ คู่แข่งที่เก่งกล้าของเดอะเบรน กำลังพยายามครองโลกโดยการปลอมตัวเป็นเศรษฐีพันล้านนักออกแบบซอฟต์แวร์ชื่อว่า "บิล เกรตส์"
  • ใน Lois & Clark (ปีที่ 3 ตอนที่ 3 ชื่อตอน "Contact") แพทริก บาลีออร์โท รับบทเป็นนักธุรกิจซอฟต์แวร์ชื่อว่า "บ็อบ เฟนซ์" (Fence = รั้ว) ซึ่งเป็นการเล่นคำกับชื่อของเกตส์ (Gate = ประตูรั้ว)

การปรากฏตัวในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์[แก้]

บิล เกตส์ตัวจริงยังได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์:
  • ละครตลกขบขันเรื่อง Frasier — บิล เกตส์ถูกเชิญให้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการวิทยุของดร.เฟรซิเออร์ เครน อย่างไรก็ดี ทันทีที่รายการเริ่มขึ้น ผู้ฟังทางบ้านที่โทรเข้ามาต่างมีคำถามมากมายจะถามเกตส์เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ แต่ดร.เครนไม่ได้ใส่ใจกับเสียงโทรศัพท์
  • Triumph of the Nerds — บิล เกตส์ได้ให้สัมภาษณ์ในภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

ในซอฟต์แวร์[แก้]

โปรแกรมคอมพิวเตอร์หลายตัว ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานบนระบบปฏิบัติการอื่นนอกเหนือจากไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ได้อ้างถึงบิล เกตส์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยจะอ้างถึงในทางชื่นชมสักเท่าไรนัก ซึ่งในจำนวนนี้มี:
  • เกมโอเพนซอร์ส XBill ซึ่งมีตัวละครชื่อ "บิล" ใส่แว่นตากรอบหนา กำลังพยายามจะลง วิงโดวส์ (โปรแกรมไวรัสที่ปลอมตัวมาเป็นวินโดวส์) บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการอื่น
  • เกม Uropa² บน Amiga ที่มีตัวร้ายหลักชื่อว่า "บิล เซแทก" (Setag = Gates สะกดแบบถอยหลัง)
  • ในเกม Might and Magic VII: For Blood and Honor ผู้เล่นถูกมอบหมายภารกิจหนึ่งให้สังหารตัวละครผู้ชั่วร้ายชื่อว่า "วิลเลียม เซแทก" และช่วยเหลือเจ้าหญิงที่ถูกมันจับไป
  • Arcanum: Of Steamworks and Magick Obscura บน ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ได้มีตัวละครตัวหนึ่งชื่อว่า "กิลเบิร์ต เบตส์" ผู้ประกอบการผู้มั่งคั่ง ชื่อของตัวละคร "กิล เบตส์" เป็นคำผวนของ "บิล เกตส์" นั่นเอง
  • ในSpace Quest III: The Pirates of Pestulon เกมแอดเวนเจอร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ได้กล่าวถึงบริษัทซอฟต์แวร์ชื่อ "สกัมซอฟท์" ซึ่งเป็นชื่อล้อเลียนไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน ประธานบริษัทผู้ชั่วร้าย เป็นชายร่างเล็ก มีบุคลิกแบบพวกเนิร์ดสวมแว่นตา มีชื่อว่า "เอลโม พัก" ผู้ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับบิล เกตส์มาก
  • โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับออกแบบคอมพิวเตอร์ชิป อันเป็นผลิตภัณฑ์ของ Electronic Design Automation ใช้ชื่อว่า "Build Gates" (สร้างประตู) ซึ่งประตูในที่นี้หมายถึงประตูตรรกะ (logic gate)
  • Kill Bill edition เป็นชื่อแผ่นซีดีสำหรับบู้ทลินุกซ์ของ SLAX ซึ่งล้อเลียนภาพยนตร์เรื่อง นางฟ้าซามูไร (Kill Bill) ภาพวอลล์เปเปอร์ของผลิตภัณฑ์เป็นรูปตัวทักซ์ (นกเพ็นกวินสัญลักษณ์ของลินุกซ์) ในชุดสีเหลืองคล้ายกับที่นางเอกเรื่องนางฟ้าซามูไรสวมใส่ เพื่อที่จะสังหารบิล (เกตส์)
  • ในวิดีโอเกมมาเฟียของ Illusion Softworks คนชื่อ "วิลเลียม เกตส์" ออกมาปรากฏตัวในฐานะคนขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ชาวเคนทักกี
  • ในเกมกลยุทธ์คลาสสิก Total Annihilation: Core Contingency มีส่วนหนึ่งของเนื้อเมืองในเกมที่มีชื่อว่า "อาคารวิลลี เกตส์" ซึ่งถ้าหากผู้เล่นยึดอาคารหลังนี้ได้จะทำแต้มได้มาก

หนังสือที่แต่งโดยบิล เกตส์[แก้]

ความใจบุญสุนทาน[แก้]

มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์[แก้]

บทความหลัก: Bill & Melinda Gates Foundation
เกตส์ได้ศึกษาการทำงานของ แอนดรู คาร์เนกี้ และ จอห์น ดี ร้อคกี้เฟลเลอร์ และในปี 1994 เขาได้ขายหุ้นบางส่วนของไมโครซอฟท์ของเขาเพื่อที่จะสร้าง "มูลนิธิวิลเลียมเอชเกตส์" ในปี 2000 เกตส์และภรรยาของเขารวบรวมสามมูลนิธิของครอบครัวเพื่อสร้าง "มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์" เพื่อการกุศล ซึ่ง 'กองทุนสำหรับบริษัทที่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)' ระบุในปี 2013 ว่าเป็นมูลนิธิเพื่อการกุศลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์มูลค่าตามรายงานมากกว่า $34.6 พันล้าน[4] มูลนิธินี้ยอมให้ผู้ที่สนับสนุนทางการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเงินจะถูกใช้ไปอย่างไรซึ่งแตกต่างจากองค์กรการกุศลอื่น ๆ ที่สำคัญ[5][6]
มูลนิธินี้ได้จัดองค๋กรออกเป็นสี่แผนก ได้แก่ แผนกพัฒนาทั่วโลก, แผนกอนามัยทั่วโลก, แผนกสหรัฐอเมริกา และแผนกสนับสนุนและนโยบายทั่วโลก[7]
เกตส์ชื่นชมความเอื้ออาทรและความใจบุญสุนทานที่กว้างขวางของเดวิด ร้อกกี้เฟลเลอร์ ว่าเป็นอิทธิพลที่สำคัญ เกตส์และพ่อของเขาได้พบกับร้อกกี้เฟลเลอร์หลายครั้ง และงานการกุศลของพวกเขาส่วนหนึ่งก็ถูกจำลองในการมุ่งเป้าไปที่การทำบุญของครอบครัวร้อกกี้เฟลเลอร์ โดยที่พวกเขามีความสนใจในการแก้ปัญหาระดับโลกที่ได้รับการปฏิเสธโดยรัฐบาลและองค์กรอื่น ๆ [8] ณ ปี 2007 บิล และ เมลินดา เกตส์ เป็นผู้ใจบุญใจกว้างมากที่สุดอันดับสองในอเมริกา ที่ให้มากกว่า $28 พันล้านเพื่อการกุศล[9] คู่สามีภรรยามีแผนที่จะบริจาคร้อยละ 95 ของความมั่งคั่งของพวกเขาเพื่อการกุศลในที่สุด[10]

ส่วนบุคคล[แก้]

ภรรยาของเกตส์แนะนำว่าทุกคนควรจะเลียนแบบความพยายามในการสร้างกุศลของครอบครัว Salwen ซึ่งได้ขายบ้านของครอบครัวและบริจาคครึ่งหนึ่งของค่าของมัน ตามรายละเอียดในหนังสือ 'พลังของครึ่ง'[11]. เกตส์และภรรยาของเขาได้เชิญโจน Salwen มาที่เมืองซีแอตเติลเพื่อพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ครอบครัวได้ทำ และในวันที่ 9 ธันวาคม 2010 เกตส์, นักลงทุน Warren Buffett, และผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Facebook นาย Mark Zuckerberg ได้ลงนามในความมุ่งมั่นของพวกเขาที่เรียกว่า "เกตส์-บุฟเฟ่ต์ให้คำมั่น" คำมั่นสัญญาเป็นความมุ่งมั่นของทั้งสามที่จะบริจาคอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งของพวกเขาตลอดช่วงเวลาเพื่อการกุศล[12][13][14]
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2014, บิล เกตส์ได้โพสต์วิดีโอของตัวเองเทถังน้ำที่มีน้ำแข็งบนศีรษะของเขาหลังจากที่ผู้ก่อตั้ง Facebook นาย Mark Zuckerberg ท้าทายให้เขาทำเช่นนั้นเพื่อที่จะสร้างความตระหนักในการเกิดโรค ALS (เส้นโลหิตตีบด้านข้างแบบ amyotrophic)[15]
บิลเกตส์และมูลนิธิของเขาให้ความสนใจในการแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยทั่วโลกตั้งแต่ปี 2005 เช่นโดยการประกาศ "ประดิษฐ์ซ้ำความท้าทายห้องน้ำ" ซึ่งได้รับความสนใจของสื่อมวลชนพอประมาณ[16] เพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องสุขอนามัยและการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ บิลเกตส์ได้ดื่มน้ำซึ่งถูก "ผลิตขึ้นจากอุจจาระของมนุษย์" ในปี 2014 ซึ่งในความเป็นจริงมันถูกผลิตจากกระบวนการบำบัดกากตะกอนน้ำเสียที่เรียกว่ากระบวนการ Omni[17][18] ในช่วงต้นปี 2015 เขายังปรากฏตัวกับจิมมี่ ฟอลลอน ในรายการกลางดึกกับจิมมี่ฟอลลอน และท้าทายจิมมี่ให้ดูว่าเขาสามารถลิ้มรสเพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำที่อ้างถึงนี้กับน้ำดื่มบรรจุขวดได้หรือไม่[19]

[Live Talk] ประวัติ บิล เกตส์ (Bill Gates), เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ ผู้ประสบความสำเร็จอย่างมั่งคั่ง 

[คัดลอกลิงก์]
กรอกหมายเลขโพสต์ ที่ต้องการจะข้ามไปดูในแต่ละโพสต์
1#
 โพสต์ 2011-9-11 13:47:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้ รางวัลสำหรับการตอบกลับ

ประวัติ บิลล์ เกตส์ [ ผู้ก่อตั้ง บริษัทไมโครซอฟท์ ] / L* z% T3 s: w+ N9 T1 B

วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิลล์ เกตส์
เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขากับผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์
ส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันเขียนต้นแบบของภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับ
เครื่องอัลแตร์ 8800 (เค่รื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคแรกๆ) เขาได้ร่วมกับ นายพอล อัลเลน
ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น ซึ่งในขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร 
และหัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิลล์ เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด
ในโลกหลายปีติดต่อกัน) Y/ v- u# I" w( w6 u! ~- b

วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สามได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน (KBE) 
จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2- k# E! m, B0 v& _8 w



ประวัติ! h( N1 C& }+ j

บิลล์ เกตส์ เกิดที่เมืองซีแอทเทิล มลรัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 บิดาชื่อนายวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์ 
มีอาชีพนักกฎหมายของบริษัท มารดาชื่อแมรี แมกซ์เวล เกตส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Berkshire Hathaway, 
First Interstate Bank, Pacific Northwest Bell และคณะกรรมการแห่งชาติของ United Way ชื่อเต็มของเขาคือ
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ปู่ของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ซีเนียร์
1 b) v0 X+ y: W0 x9 w" J! u& K
บิลล์ เกตส์เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิล ที่นั่นเองที่เขาได้พัฒนาทักษะ
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ) P$ M& m8 p) S( O# k
ดีกว่าเดิม บิลล์ เกตส์ กับ พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบย่องเข้าไปในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
ทั้งคู่ถูกจับได้แต่ก็ได้เจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี ต่อมา
บิลล์ เกตส์ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ต้องพักการเรียนไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อที่จะได้เริ่มประกอบอาชีพ0 h% }5 ]' r  G% x& p
ทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับสตีฟ บาลเมอร์ หนึ่ง
ในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 1) z9 L% {2 J# R7 ]

ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขาได้ร่วมกับ พอล อัลเลน เขียนต้นแบบ ภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็น
โปรแกรมอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ประสบ
ความสำเร็จทางการค้าในกลางคริสตทศวรรษที่ 70) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาษาเบสิก ซึ่งเป็น9 U9 j% D7 j- S) z6 w2 I  u$ w
ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ง่าย ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยดาร์ทเมาท์คอลเลจ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน; u; A6 @1 A1 M, J
1 g' M; j6 D, A: y1 j
เกตส์สมรสกับ เมลินดา เฟร้นช์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1994 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสามคน เจนนิเฟอร์ แคทารีน เกตส์ 
(เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1996) โรรี จอห์น เกตส์ (เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1999) และ ฟีบี อาเดล เกตส์ : p! }  N" G5 c/ @' R! Y+ x7 [
(เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2002); {8 k4 K5 O) @8 ]7 N' g

ในปี ค.ศ. 1994 บิลล์ เกตส์ได้ม้วนกระดาษไลเชสเตอร์ ซึ่งรวบรวมงานเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชีมาไว้ในครอบครอง; q% I. m6 E7 a  k  s& W
และในปี ค.ศ. 2003 ได้นำม้วนกระดาษนี้ออกแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเมืองซีแอทเทิล
4 V( r1 y" o$ n3 v7 P  l! k
ในปี ค.ศ. 1997 เกตส์ได้ตกเป็นเหยื่อของแผนการขู่กรรโชกทรัพย์อันแปลกประหลาด ของนายอดัม ควินน์ เพลตเชอร์ 
ชาวเมืองชิคาโก ซึ่งเกตส์ก็ได้ขึ้นให้การต่อศาลในการพิจารณาคดีดังกล่าว เพลตเชอร์ถูกตัดสินลงโทษเมื่อเดือนกรกฎาคม* @% i; ~* {7 X+ d/ P
ค.ศ. 1998 และถูกจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 เกตส์ถูกนายโนเอล โกดังจู่โจมด้วยการ
ปาขนมพายหน้าครีมใส่ ระหว่างการไปปรากฏตัวที่ประเทศเบลเยียม

เกียรติประวัติ% c1 K0 P! C& t+ h8 L
$ @1 M" w( [& r/ Q, U4 d* L5 H
- ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยวาเซดะ ค.ศ. 2005 $ w' I9 d2 B- I# d7 D
- รางวัลเกียรติยศผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน จากสหราชอาณาจักร ตามประกาศเมื่อปี ค.ศ. 2005 [1] 
- ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเทคโนโลยีหลวง (Roytal Institute of Technology) - กรุงสต็อกโฮล์ม 6 V7 k. K1 F. y7 ~
ประเทศสวีเดน ค.ศ. 2002 - T3 A8 a, t' F4 \0 g: v4 A
- ติดหนึ่งใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลต่อประชาชนในสื่อต่าง ๆ จากการจัดอันดับของ หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ค.ศ. 2001 
- ติดอันดับบุคคลผู้มีอำนาจ, นิตยสารซันเดย์ ไทม ค.ศ. 1999 5 a' d  ]: B' k6 c/ M# v
- อันดับ 2 ในการจัดอันดับ 100 ดาวรุ่ง, นิตยสารอัพไซด์ ค.ศ. 1999 
- อันดับ 1 ในการจัดอันดับ 50 ดาวรุ่งในโลกไซเบอร์, นิตยสารไทม ค.ศ. 1998 
- อันดับที่ 28 ใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬา, นิตยสารสปอร์ตติง นิวส์ ค.ศ. 1997 
- ผู้บริหารระดับสูงแห่งปี, นิตยสารชีฟ เอกเซกคูทีฟ ออฟฟิซเซอร์ ค.ศ. 1994 ' ]' t' I& O" v/ D! O+ ~/ W
- นักกีฏวิทยา ได้ตั้งชื่อแมลงวันตอมดอกไม้พันธุ์หนึ่งว่า Eristalis gatesi ตามชื่อของบิลล์ เกตส์ เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
7 I) D0 H9 H4 k+ I8 j, O


' `3 m: x# h; j+ ~
ประมาณการทรัพย์สินของเกตส์1 v( ?% N( O' o7 [; e. Z& }1 O7 _
% c( A) Y* Q, s0 L9 g
บิลล์ เกตส์ ติดอันดับหนึ่ง จากการจัดอันดับ "ฟอร์บ 400" ระหว่างปี ค.ศ. 1993-2005 และติดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับ: u4 c  @2 a2 [
มหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ในปี ค.ศ. 1996 และระหว่างปี ค.ศ. 1998-2005 ซึ่งจากการจัดอันดับดังกล่าว สรุปได้ว่า3 [7 F/ e. q; R
ทรัพย์สินสุทธิของเขามีมูลค่าดังต่อไปนี้:
( ]! a; P" L1 V' w; w) `7 Y
- ค.ศ. 1996 - 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก - X5 j9 n) f+ n; ?7 Y
- ค.ศ. 1997 - 36.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 ของโลก 
- ค.ศ. 1998 - 51.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก ( k$ @; @' A$ a- Q9 d( `4 C* T
- ค.ศ. 1999 - 90.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2000 - 60.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก : \: q. s7 N# A# V, S/ H+ L
- ค.ศ. 2001 - 58.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2002 - 52.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2003 - 40.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2004 - 46.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 8 d' i9 I3 Q! ]- l" x0 v* I: S5 V
- ค.ศ. 2005 - 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2006 - 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก ' u: d. ]7 b. {- }+ |7 G' Z
( q; z% E, w+ R( j6 ]6 C0 P( @/ Y
การที่ทรัพย์สินสุทธิของเกตส์ มีมูลค่าลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา % h* s$ t  T/ w
มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นของไมโครซอฟท์มีราคาลดลง รวมถึงการที่เขาได้บริจาค! E& K6 U+ r  Q* F0 {
เงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลของเขา และแม้เขาจะมีรายได้ลดลง 
ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บในปีค.ศ. 2004 เกตส์ยังได้บริจาคเงินรวมกว่า 28,000 
ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา3 ?1 d7 n& ]) y( z0 L; |
; b/ C' f' _9 g: c; z6 N
เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกไปเสียแล้ว แม้จะนับเอาประมุขของรัฐ 
(ผู้ซึ่งทรัพย์สินมาจากสถานะทางสังคม) ไว้ในการจัดอันดับด้วยก็ตาม & i! X- ]5 {; p# a/ I* P
(แม้ว่าการจัดอันดับตามมาตรฐานของนิตยสารฟอร์บนั้น จะไม่รวมเอาประมุขของ3 c; b' T9 _+ {8 R) T
รัฐเอาไว้ด้วย ฟอร์บได้จัดทำบัญชีประมาณการทรัพย์สินของประมุขแต่ละประเทศไว้ต่างหาก 
เมื่อนำรายชื่อจากการจัดอันดับทั้งสองแบบมารวมกันแล้ว พบว่าเกตส์เป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก)$ K* i# b" k2 Q, \
  L8 p, X: e% \5 f

ข้อมูลอ้างอิง : http://th.wikipedia.org/
0 h4 V/ \3 h  G% g: U